หากพบว่าร่างกายของตัวเองเริ่มมีอาการปวดเข่า ข้อเข่าอักเสบ บวมแดง แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้ได้รับการรักษาด้านการแพทย์ที่ถูกต้อง แบบเฉพาะเจาจงในแต่ละบุคคล ด้วยแนวทางการรักษาและฟื้นฟู ดังต่อไปนี้

อาการ Pes Anserine Bursitis มักเกิดจากถุงน้ำเข่าด้านในอักเสบ เป็นถุงน้ำเล็ก ๆ ที่เหมือนวุ้นที่อยู่ทั่วร่างกาย เช่น รอบไหล่, ข้อศอก, สะโพก, ข้อเข่า, และหัวเข่า ซึ่งมีน้ำเล็กน้อยและอยู่ระหว่างกระดูกกับเนื้อเยื่ออ่อน ๆ ทำหน้าที่เป็นหมอนเพื่อลดการสัมผัสที่เสียดสี ถ้ามีอาการเหล่านี้ ก็จะมีนำไปสู่อาการ ปวดเข่าด้านใน ได้

Pes Anserine Bursitis คือการอักเสบของถุงน้ำ โดยมักพบอาการปวดและบวมที่บริเวณเข่าด้านใน เป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อขาทั้ง 3 มัด (pes anserine) คือ กล้ามเนื้อ sartorius, gracilis และ semitendinosus กล้ามเนื้อทั้ง 3 มัดเป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเริ่มต้นของการงอเข่า

โรคข้อเข่าเสื่อมและการปวดกล้ามเนื้อบริเวณเข่า มาจากการใช้งานหัวเข่าเกินขอบเขตของเส้นเอ็นที่อยู่ด้านในของข้อเข่า หน้าที่ของเส้นเอ็นเหล่านี้ คือการส่งถ่ายแรงโดยกล้ามเนื้อสามมัด (Sartorius, Gracilis และ Semitendinosus) เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของข้อเข่า การใช้งานซ้ำของกล้ามเนื้อกลุ่มนี้ ส่งผลให้เส้นเอ็นเกิดการระคายเคืองและเริ่มทำลายและถุงน้ำ

เป็นผลมาจากการกระทำที่เกิดกับถุงน้ำอย่างรุนแรงและผลิตน้ำเหลืองมากเกินไป ซึ่งทำให้บวมและกดดันต่อส่วนรอบ ๆ ของหัวเข่า ปวดหัวเข่าข้างขวา หรือ ปวดหัวเข่าข้างซ้าย เป็นอาการปวดและความอ่อนแรงด้านในของหัวเข่า ประมาณ 2 ถึง 3 นิ้วใต้ข้อ เป็นอาการที่พบบ่อยในกรณีที่ถุงน้ำเข่าด้านในอักเสบ

Bursa คือถุงน้ำกันกระแทกขนาดเล็กที่อยู่รอบเข่า ช่วยรองรับแรงกดในขณะที่ข้อต่อและกล้ามเนื้อเคลื่อนไหว

Bursitis คือภาวะที่ถุงของเหลวหล่อลื่นบริเวณข้อต่อเกิดการอักเสบ มักมีอาการปวด อาการบวมและความแดงอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน

เป็นสถานการณ์ที่พบได้บ่อยในนักกีฬาโดยเฉพาะนักวิ่ง การใช้งานข้อเข่าหนักเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีแรงเสียดสีของถุงน้ำเข่าด้านในที่เพิ่มมากขึ้น เช่น นักกีฬา หรือคนที่มีโรคข้อเข่าเสื่อมก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

ปัจจัยที่ทำให้เจ็บปวดเพิ่มเติม รวมถึงกิจกรรมที่ต้องการการเคลื่อนไหว เช่น การงอ และการหมุน การเตะขา การนั่งหรือการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกีฬาที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว

• ใช้เทคนิคการฝึกที่ไม่ถูกต้องในนักกีฬา เช่น การไม่ยืดเหยียด การวิ่งขึ้นเนินมากเกินไป และการเพิ่มระยะทางวิ่งอย่างรวดเร็ว
• เกิดอุบัติเหตุโดยตรง หรือได้รับแรงกระแทกบริเวณถุงน้ำเข่าด้านใน
• กล้ามเนื้อต้นขาไม่แข็งแรง
• โรคอ้วน ข้อเข่าได้รับน้ำหนักเกิน กล้ามเนื้อมีอาการกดเบียด และเสียดสีถุงน้ำเข่าจนเกิดการอักเสบ
• โรคข้อเข่าเสื่อม หรือมีภาวะเข่าบิดเข้าด้านใน

การใช้แรงกระแทกซ้ำที่ข้อเข่า
กิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อซ้ำ ๆ เช่น วิ่ง (โดยเฉพาะวิ่งขึ้นเนิน), ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, และการเคลื่อนที่สลับไปมาด้านข้าง ทำให้เกิดการกดดันที่ถุงน้ำได้

กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือหดตัว
ความอ่อนแอหรือการหดตัวของกล้ามเนื้อสะโพกและหัวเข่า ทำให้เกิดการเพิ่มแรงตึงในเส้นเอ็นที่ทำให้เสียหาย และเพิ่มแรงกดดันที่ถุงน้ำกันกระแทก

เทคนิคการฝึกกีฬาที่ไม่ถูกต้อง
ข้อผิดพลาดในการฝึก เช่น เพิ่มระยะทางหรือความหนักโดยไม่วางแผน การไม่เตรียมตัวก่อนฝึก และการยืดไม่เพียงพอ อาจทำให้พื้นที่ของข้อต่อนั้น ๆ ได้รับแรงกดดันมากเกินไป

โรคแทรกซ้อน
การอักเสบของข้อที่เกี่ยวข้องกับโรคข้อเข่า ทำให้ถุงน้ำบวมขึ้นได้ งานวิจัยพบว่าประมาณ 20% ของผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ยังมีอาการของกล้ามเนื้ออักเสบด้วย ผู้ที่เป็นเบาหวานประเภท 2 หรือโรค Osgood Schlatters (ปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ) ก็มีความน่าจะเป็นที่จะเป็นโรคถุงน้ำในข้อเข่าอักเสบได้

ปัจจัยด้านเพศ
อาการพบมากในเพศหญิง เนื่องจากมีสะโพกที่กว้าง และมุมข้อเข่าที่แตกต่างจากผู้ชาย

การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ
การเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่งของกระดูกขาและเนื้ออ่อน เช่น เท้าแบนหรือเท้าแบะ ทำให้มีแรงกดดันจากการเดินเพิ่มขึ้นในบริเวณ Pes Anserine (จุดเกาะกล้ามเนื้อต้นขา)

โรคอ้วน
น้ำหนักตัวที่มากขึ้น จะทำให้มีแรงกดมาที่ข้อเข่า

อาการบาดเจ็บ
บาดเจ็บโดยตรง เช่น การโดนตีที่บริเวณ กล้ามเนื้อบริเวณเข่า ทำให้เข่าบวมขึ้น

การปวดเข่า ด้านใน มักจะมีการเจ็บเมื่อมีการอักเสบของเส้นเอ็น โดยที่เกิดรอยแตกขนาดเล็กในเส้นเอ็น สาเหตุอาการ และการรักษามีพื้นฐานที่เหมือนกันกับโรคข้อเข่าเสื่อม

คนส่วนมากที่เป็นโรคนี้มักจะหายในระยะเวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์หรือเร็วกว่านั้น อาจใช้เวลานานขึ้นสำหรับกรณีที่มีอาการที่รุนแรงมากขึ้น การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค การรักษาที่เหมาะสม หรือการพักผ่อน คือการหยุดทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเข่าจนกระทั่งการบาดเจ็บหายไปและไม่อักเสบอีกต่อไป หากเราฝืนใช้งานเข่าต่อไป อาจทำให้ระยะเวลาในการฟื้นตัวเป็นเวลานานขึ้น หรือทำให้เกิดการบาดเจ็บอื่น ๆ ตามมา และไม่มีทางลัดเกี่ยวกับกระบวนการรักษาหรือการฟื้นตัวของสุขภาพเข่า การดูแลรักษาร่างกายคือกระบวนการที่ใช้เวลานาน แต่ถ้าเราเป็นคนอดทนและศึกษาการออกกำลังกายอย่างรอบคอบ เราจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ มีโอกาสที่จะหายได้เร็วขึ้นถ้าคุณพักผ่อนและพบการรักษาที่ถูกต้อง

การติดเชื้อ Pes Anserine มักเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องถูกใช้ซ้ำ ๆ โดยการทำกิจกรรม เช่น การงอ และการใช้งานหนัก ทำให้เกิดการสั่น และเพิ่มความดันที่ Bursa (ถุงน้ำกันกระแทกขนาดเล็กที่อยู่รอบเข่า) การติดเชื้อนี้ยังอาจเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บ เช่นการถูกชนตรงในพื้นที่ Pes Anserine การบาดเจ็บในพื้นที่นี้ทำให้มีการปลดปล่อยน้ำ Synovial (คือน้ำหรือของเหลวที่มีความหนืดที่พบในข้อต่าง ๆ มีหน้าที่หลัก คือ หล่อลื่นข้อต่อ ลดการเสียดสีระหว่างหัวกระดูก) ในชั้นเยื่อถุงน้ำ ทำให้ถุงน้ำเกิดการอักเสบและมีอาการปวดอย่างแรง และมีโรคข้อเข่าเสื่อมด้วย

สรุปได้ว่าการติดเชื้อในถุงน้ำกันกระแทกไม่ใช่โรคหลัก แต่เป็นผลลัพธ์จากปัญหาการใช้ข้อเข่าก่อนหน้านี้ ที่มีผลต่อการ ปวดหัวเข่าข้างขวา หรือ ปวดหัวเข่าข้างขวา

ระดับความเจ็บปวดของเราอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีการเจ็บปวดจากถุงน้ำในเข่า จะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวจากการย่อตัวนั่งเก้าอี้หรือเดินขึ้นลงบันได โดยทั่วไปแล้ว อาการปวดจะดีขึ้นเมื่อเราพักผ่อนเพียงพอ

• ความเจ็บปวดที่เกิดช้า ๆ ที่ด้านในของเข่า และหรือต่ำกว่าแนวข้อเข่า ประมาณ 2 ถึง 3 นิ้วข้างล่างข้อเข่า
• ความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นเมื่อออกกำลังกายหรือเดินขึ้นบันได
• การบวมหรือลงน้ำหนักตัวกับพื้นไม่ได้เลย เมื่อมีแรงกดใต้ข้อเข่าด้านในจะมีอาการเจ็บ
• ปวดขณะงอเข่า เหยียดเข่า หรือตอนที่เปลี่ยนท่าทาง

ผู้ที่มีการอักเสบของถุงน้ำกล้ามเนื้อภายในเข่า (pes anserinus bursitis) มักจะมีสัญญาณเตือนของความเจ็บปวดสักหนึ่งอาการหรือมากกว่านั้น อาการของถุงน้ำภายในอาจประกอบด้วย

• ปวดในข้อเข่าที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ และดีขึ้นเมื่อได้พักผ่อน
• ปวดเข่ามากขึ้ขณะออกกำลังกายหรือขึ้นบันได
• ปวดด้านในของเข่าลงไป 2-3 นิ้วจากแนวข้อเข่า

การอักเสบหรือการบาดเจ็บของเส้นเอ็นไม่ได้หายได้เอง หากไม่มีการแก้ไขอาการที่สาเหตุ หากเรายังคงออกกำลังกายต่อไปจะยิ่งเจ็บหนัก หากเราสงสัยว่ามีอาการที่เกี่ยวกับการบาดเจ็บของเส้นเอ็น ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ด้านกีฬาที่ใกล้บ้านที่สุด ในระหว่างที่ปวดเข่านี้ สามารถเริ่มการรักษาเบื้องต้นได้ เช่น ควรประคบน้ำแข็งหลังจากการออกกำลังกาย ด้านล่างของเข่าด้านใน เป็นเวลา 15 ถึง 20 นาที ทำทุก 1 ถึง 2 ชั่วโมง

หากมีการบาดเจ็บเราไม่ควรละเลยปัญหานี้ ความเจ็บปวดของอาจจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเราไม่หยุดออกกำลังกาย การออกกำลังกายอาจมีผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูและสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น ทำให้การบาดเจ็บเลวร้ายลงไปอีก การฟื้นฟูข้อเข่าของเราอาจเสียเวลาไปอีก และอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่จะกลับมาออกกำลังกายและกีฬาโดยไม่มีความเจ็บปวดแทรก

การปวดเข่าด้านใน ไม่ทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาว ถ้ามีการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง หากไม่ยอมรักษา อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดในบริเวณด้านล่างของเข่าเป็นเวลานาน

แพทย์ของเราจะตรวจสอบข้อเข่าและพูดคุยเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น อาการของการอักเสบ อาจมีลักษณะคล้ายกับกระดูกหักจากการทำงานหนัก จึงต้องมีการทำรังสีเอ็กซ์เรย์เพื่อวินิจฉัย อาการก็อาจคล้ายกับการแตกร้าวที่ตำแหน่งกลางของเข่าได้ด้วย

ปวดเข่า ข้อเข่าอักเสบ เป็นเรื่องที่เกือบจะไม่ต้องผ่าตัดเลย นักกีฬาที่มีข้อเข่าอักเสบควรทำการปรับแก้โปรแกรมออกกำลังกายของตนเพื่อให้การอักเสบไม่เกิดขึ้นอีก วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของถุงน้ำ คือการทำตามคำแนะนำของผู้ให้บริการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด นอกจากการพักผ่อน การทายา ลองนอนพร้อมใช้หมอนวางใต้ขาของเรา อาจช่วยลดความดันที่ถุงลม และสามารถบรรเทาอาการได้

พักผ่อน หยุดกิจกรรมหรือเปลี่ยนกิจกรรมจนกระทั่งการอักเสบหาย

ประคบน้ำแข็ง นำน้ำแข็งมาประคบทุก ๆ ช่วงเวลา 3-4 ครั้งต่อวัน ประมาณ 20 นาทีต่อครั้ง

ยาต้านการอักเสบ ยาต้านการอักเสบ อาจช่วยลดอาการปวดและลดการอักเสบ เรายังสามารถใช้ยาทาต้านการอักเสบทางผิวได้

การฉีดยา แพทย์อาจฉีดลงไปในบริเวณข้อเข่า ซึ่งมักจะทำให้เกิดความผ่อนคลายได้ทันที

กายภาพบำบัด แพทย์อาจแนะนำให้กายภาพบำบัดสำหรับการฝึกยืดเฉพาะ และการรักษาด้วยประคบน้ำแข็งและอัลตราซาวด์

การฉีดเกล็ดเลือดของตัวเอง มีการเก็บเลือดตัวอย่างจากเลือดของผู้ป่วย เพื่อใช้ฟื้นฟูการหายขาดและการเสื่อมของเนื้อเยื่อ

ผู้ป่วยส่วนมากถูกรักษาได้สำเร็จด้วยมาตรการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง

การพักผ่อนก็สำคัญ รวมถึงการลดหรือกำจัดกิจกรรมที่ทำให้เกิดปัญหาข้อเข่าเป็นสิ่งสำคัญในการรักษา พร้อมกับการใช้ยาต้านการอักเสบเป็นมาตรการรักษาเบื้องต้น

กายภาพบำบัดมีประโยชน์กับผู้ป่วยที่มีอาการปวดบริเวณเข่าด้านใน การออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูผู้ที่มีการกดทับในตัวข้อเข่าภายใน

เพื่อลดความเสี่ยงของเราในการเจ็บปวดในจุดเกาะของกระดูกข้อเข่า โปรดขอคำแนะนำจากผู้ให้บริการด้านสุขภาพเพื่อแนะนำการออกกำลังกายที่ทำเองได้ที่บ้าน การออกกำลังกายจะช่วยในการยืดและเสริมกล้ามเนื้อที่อยู่ในข้อเข่า ต้นขา เป็นต้น

หากเรามีน้ำหนักเกิน การลดน้ำหนักไม่กี่กิโลกรัมสามารถช่วยลดแรงกดที่กระดูกได้ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง หรือสถานพยาบาล ใกล้บ้าน เพื่อได้รับคำแนะนำการทานอาหารและการดูแลน้ำหนักที่ถูกต้อง

การฉายภาพรังสีข้างของเข่าผู้ป่วย จะเป็นประโยชน์มากในการตรวจหาการประเมินของสาเหตุการปวด ข้ออักเสบหรือแม้กระทั่งโรคข้อเข่าเสื่อม เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจนจำเป็นต้องใช้เครื่อง MRI และควรเปรียบเทียบผลของ MRI กับผลการตรวจร่างกายด้วยวิธีอื่นด้วย

ทานยาแก้ปวด หรือ ยาแก้อักเสบ ตามความเหมาะสมของอาการแต่ละคน โดยยาแก้ปวดนั้นสามารถลดอาการปวดได้ แต่เห็นผลในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งเราต้องรับประทานยาต่อเนื่อง

ฉีดสเตียรอยด์ ใช้ในกรณีที่มีอาการปวด หรืออักเสบ ที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน ช่วยลดอาการอักเสบบวมแดง ได้อย่างรวดเร็ว แนะนำว่าอาการปวดต้องเป็นอาการที่รุนแรงเท่านั้น การใช้สเตียรอยด์ต้องใช้กรณีที่จำเป็น และแพทย์พิจารณาอย่างละเอียดเป็นรายกรณีไป

ลดการใช้งาน เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเอง ตามกลไก ธรรมชาติ ซึ่งอาจจะหายได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะความรุนแรง

ทำกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัดวิชาชีพ เป็นวิธีการรักษาหรือบรรเทาอาการปวดหัวเข่าด้วยการเน้นไปที่การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า และด้านหลัง เพื่อช่วยให้สามารถพยุงน้ำหนักของตัวเองได้มากขึ้น ช่วยเสริมสร้าง ฟื้นฟูกล้ามเนื้อหัวเข่าให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันอาการปวดในระยะยาวได้อีกด้วย

เครื่องมือทางการแพทย์บรรเทาปวด  เป็นอีกเครื่องมือที่เข้ามาช่วยให้การรักษาเกิดประสิทธิสูง ประสิทธิผลชัดเจน เห็นผลดีและสะดวกสบายมากขึ้น เลเซอร์นี้สามารถทะลุทะลวงผ่านผิวหนังลงลึกสู่ตำแหน่งของโรคได้อย่างแม่นยำทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของเนื้อเยื่อ (Photochemical Effect) หลั่งสารที่ช่วยลดอาการปวดได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องทานยาสามารถกระตุ้นเซลล์เพื่อใช้ในการซ่อมตัวเองในระยะยาวต่อไป

พลังงานคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ในการกระตุ้นการสร้างกระแสไฟฟ้าในเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อของบริเวณหัวเข่าได้ ซึ่งสามารถเป็นประโยชน์ในการรักษา บรรเทา อาการปวดหัวเข่า และกู้คืนสมรรถภาพหลังอาการบาดเจ็บบริเวณเข่าได้

การฉีดเกล็ดเลือด คือการฉีดเซลล์จากตัวเองเพื่อนำเซลล์ที่มีความเข้มข้นสูงกว่าระดับปกติ ที่ได้มาจากการสกัดแยกด้วยกรรมวิธีทางการแพทย์ ฉีดกลับไปบริเวณที่ต้องการรักษาหรือฟื้นฟู โดยเฉพาะบริเวณเข่าที่มีปัญหา

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่จำ เป็นเพื่อช่วยรักษาบางอาการบาดเจ็บ ในกรณีของการอักเสบเอ็นเข่าข้างด้านใน (pes anserine bursitis) การฝึกซ้อมในลักษณะการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและยืดหยุ่นสามารถลดความเจ็บปวดของเข่า ปรับปรุงการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างถูกต้อง และสำคัญที่สุดคือการป้องกันการบาดเจ็บไม่ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง การฝึกซ้อมในลักษณะการเสริมกล้ามเนื้ออาจเน้นไปที่กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าและสะโพก

การเคลื่อนทที่ไม่ถูกต้อง หรือความอ่อนแอของกล้ามเนื้อ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บรวมถึงเส้นเอ็น ถุงน้ำที่รับแรงกระแทก กล้ามเนื้อบนขาหน้า (quadriceps) กล้ามเนื้อหลังขา (hamstrings) เป็นต้น เป็นกล้ามเนื้อหลักที่ได้รับการฝึกซ้อมในโปรแกรมฟื้นฟูการบาดเจ็บเข่าด้านข้าง

กล้ามเนื้อหลังขายังถูกเน้นในการฝึกซ้อมยืดหยุ่นอย่างบ่อย เนื่องจากพวกมันตั้งอยู่ที่หลังขาของคุณและช่วยในการงอเข่า เมื่อกล้ามเนื้อหลังขาเริ่มแข็ง พวกมันอาจทำให้มีการดึงตัวกับโครงสร้างรอบๆ ทำให้เกิดบาดเจ็บและความเจ็บปวด การยืดกล้ามเนื้อหลังขาจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโปรแกรมฟื้นฟูกระเพาะเท้าลูกเป็ด

ความเจ็บปวดในข้อเข่าสามารถทำให้เราไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ โชคดีที่การอักเสบที่ Pes Anserinus สามารถรักษาได้ดีโดยเฉพาะเมื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยในช่วงเริ่มต้น The Ozone Wellness สามารถกำหนดแผนการรักษาเจาะจงเฉพาะบุคคลได้ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปสู่ชีวิตปกติได้